Nutrition and Diet
อาหารบำบัดโรคบำรุงกาย
1. อาหารบำรุงเล็บ อาหารที่ทำให้เล็บแข็งแรง ไม่แตกหักง่าย คืออาหารที่มีวิตามินดีและบี 2 เช่นอาหารจำพวกปลา ตับสัตว์ มันฝรั่ง ข้าวซ้อมมือ เมนู แกงกะหรี่ตับไก่
2. อาหารลดสารพิษ ได้แก่ นม เต้าหู้ หอมใหญ่ ช่วยขับสารตะกั่วในร่างกาย เมนู ผัดกะเพราเต้าหู้ไก่
3. อาหารรักษาโรคริดสีดวงทวาร ซึ่งโรคนี้เกิดจากท้องผูกเป็นเวลานาน จึงต้องกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย ผักที่มีเส้นใยสูง เช่น มะขาม สับปะรด ขี้เหล็ก สะเดา มะระ เมนู แกงอ่อมใบยอปลาดุก
4. อาหารรักษาโรคคอพอก โรคนี้เกิดจากการขาดสารไอโอดีน แต่ถ้ากินไอโอดีนมากไปก็ไม่ดี ในหนึ่งวันร่างกายควรได้รับไอโอดีน 2 มิลลิกรัม พบมากในอาหารทะเล เมนู ต้มข่าทะเลวุ้นเส้น
5. อาหารบำรุงผมและผิว ผมแห้งแตกปลาย ผิวแห้งไม่เรียบ ต้องกินอาหารจำพวกทะเล เช่น สาหร่าย แตงกวา สับปะรด กระเทียม กะหล่ำปลี หัวไชเท้า ผักใบเขียว เมนู กุ้งเปรี้ยวหวาน
6. อาหารสร้างภูมิคุ้มกัน หากป่วยบ่อยๆ แล้วหายยาก ควรกินอาหารที่มีผักและผลไม้มากๆ ที่มีวิตามินซีเยอะๆ มีเบต้าแคโรทีน กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เมนู ส้มตำกุ้งสดรวมมิตร
7. อาหารที่ช่วยให้หายท้องอืด การที่ท้องอืดเป็นเพราะกินอาหารที่มีไขมันสูง เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก ดังนั้นควรจะกินอาหารประเภทปลา สมุนไพรแก้ท้องอืด เช่น ตะไคร้ ขมิ้น พริกไทย ข่า ขึ่นฉ่าย เมนู ปลาต้มขมิ้น
8. อาหารที่ช่วยแก้หน้ามัน คนที่หน้ามันมักเป็นสาเหตุของการเกิดสิว จึงไม่ควรกินอาหารที่มีไขมันสูง ควรกินผักผลไม้ให้มากและอาหารที่มีวิตามินซีมาก ๆ เช่น ส้ม มะนาว แตงโม แตงกวา มะเขือเทศ เมนู ยำทะเล
9. อาหารสำหรับโรคไต คนที่เป็นโรคกรวยไตอักเสบ ต้องกินอาหารที่รสไม่เค็ม และต้องเป็นอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ไม่ควรกินอาหารหมักดอง อาหารกระป๋องต่าง ๆ เมนู ต้มส้มปลา
10. อาหารสำหรับโรคโลหิตจาง โรคนี้ร่างกายจะขาดธาตุเหล็ก สีเลือดจึงใส ควรกินอาหารที่มีวิตามินบี 12 วิตามินซี ธาตุเหล็ก ธาตุเหล็กพบมากในหอยลาย หอยนางรม ตับวัว ตับไก่ ตับหมู เนื้อวัว ปลา ไข่ ผักที่มีธาตุเหล็ก ตำลึง ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า มะเขือพวง ดอกแค ขี้เหล็ก ชะพลู ผักหวาน ผักกูด ใบยอ ผักปลัง เป็นต้น วิตามินซีพบมากใน มะเขือเทศ เมนู หอยลายผัดพริกสด น้ำพริกมะเขือพวงปลาทู
11. อาหารสำหรับโรคเบาหวาน ผู้ป่วยไม่ควรกินอาหารที่มีแป้ง ไขมันและน้ำตาลมากเกินไป เพราะจะไปเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นได้ ควรกินผักและผลไม้ที่จะช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ เช่น มะระขี้นก สะตอ ตำลึง ขึ้นฉ่าย เมนู แกงส้มตำลึงกับปลาช่อน
12. อาหารสำหรับโรคไซนัส โรคนี้เกิดจากการเป็นหวัดนานๆ แพ้สารเคมีบางชนิด เช่น น้ำยารีดผ้า สเปรย์ฉีดผม การลงเล่นน้ำที่ไม่สะอาด เนื้องอกในโพรงจมูก การอดนอนเป็นประจำ เหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุของโรคทั้งสิ้น อาการเริ่มแรกของไซนัส คือ เป็นหวัด เพราะฉะนั้น ต้องป้องกันหวัดก่อนที่จะกลายเป็นไซนัส อาหารที่ควรกิน คือ หัวหอม พริก ใบกะเพรา ผักโขมจีน เมนู ปลากะพงผัดสมุนไพร
13. อาหารลดไมเกรน ควรเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ กินข้าวที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง ผัก ผลไม้ ปลา เนื้อวัวไม่ติดมัน ไข่ นม ผักที่ช่วยลดอาการปวดไมเกรน คือ พริก กระเทียม ขิง หอมใหญ่ เมนู ต้มแซบเนื้อ
14. สังกะสีอาหารบำรุงสมองเสริมความคิด สังกะสีเป็นเกลือแร่ที่ช่วยให้ความคิดดี ชะลอความแก่ของเซลล์ มีมากในผักใบเขียวเข้ม เช่น ตำลึง ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง ใบกระถิน ใบบัวบก คะน้า ใบชะพลู เมล็ดทานตะวัน มะม่วงดิบ แอปเปิล หมู ไก่ ตับสัตว์ เป็นต้น เมนู ยำมะม่วงห่อใบชะพลู
15. หอมใหญ่อาหารเสริมความงาม หอมใหญ่มีกำมะถัน เมื่อกินอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผิวพรรณดีมีเลือดฝาด ผิวหน้าเกลี้ยงเกลา เนียนเรียบ ช่วยขับสารพิษ และช่วยให้หายเป็นหวัด หากกินน้ำหอมใหญ่ปั่นทุกวันก่อนนอน 1 แก้ว จะทำให้หลับสบายขึ้น เมนู หมูผัดขิงหอมใหญ่
อาหารบำบัดโรค 9 ชนิด
ยังมีอาหารอีกมากมายในโลกนี้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อกินเข้าไปแล้วสามารถเป็นยาเพื่อป้องกันและรักษาความเจ็บป่วยได้ เฉกเช่น อาหารทั้งเก้าอย่างที่กำลังจะกล่าวถึง ถือเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของบรรดาอาหารที่มี ซึ่งทั่วโลกต่างให้การยอมรับว่าคุณจะไม่ผิดหวังเลยหากได้รับประทานอาหารทั้ง เก้าอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน เพราะจะสามารถบำบัดโรค รักษาสุขภาพให้แข็งแรงสมบูรณ์เสมอ อีกทั้งรสชาติก็แสนอร่อย ที่สำคัญก็คือ หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดเราลองมารู้จักอาหารชั้นยอดทั้งเก้าอย่างกันดีกว่า
บร็อคเคอลี่ทั้งโลกต่างให้การยอมรับกัน ว่า "บร็อคเคอลี" มีความสำคัญต่อร่างกายของเรามากคุณสามารถนำมานึ่ง อบ ผัด หรือจะกินแบบสดๆ ไปเลยก็ได้ บร็อคเคอลีมีบทบาทในการบำรุงรักษาร่างกาย โดยเฉพาะสามารถป้องกันมะเร็งเต้านม ลดการเสี่ยงของโรคหัวใจ เพราะมีวิตามินซีสูงถึง 97 เปอร์เซ็นต์ จึงส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดลมเดินได้สะดวก ช่วยลดอาการไขข้ออักเสบ ทำให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันทดแทนได้ นอกจากจะลดคอเลสเตอรอลแล้ว ยังช่วยให้มีสุขภาพดีอีกด้วย ดร.วอลเตอร์ ซี.วิลเลตต์ แห่งภาควิชาโภชนาการ คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แนะให้กินบร็อคเคอลีสัปดาห์ละครั้ง แค่ครึ่งถ้วยตวงก็สามารถให้สารอาหารได้ถึง 2 กรัม จะช่วยป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ตลอด
กระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ปรุง อาหารในครัวเรือน ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจลดและสลายปริมาณคอเลสเตอรอลไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ช่วยป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือด และช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นผลทำให้ลดสาเหตุการเกิดของโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง สารดังกล่าวยังสามารถทำลายเชื้อจุลินทรีย์ ทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเชื้อราซึ่งเกิดจากสารพิษอัลฟาท็อกซินซึ่งเป็นสารก่อเกิดมะเร็ง นอกจากนี้สารอัลลิซินในกระเทียมยังช่วยลดน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการหลั่งเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร กระตุ้นการหดบีบรัดตัวของลำไส้ ทำให้การย่อยอาหารและการขับถ่ายมีประสิทธิภาพ จากค้นคว้าของ ดร.วาร์โร อี.ไทเลอร์ ที่ปรึกษาคณะเภสัชศาสตร์ แห่งสถาบันยา มหาวิทยาลัยเพอดู เวส ลาฟาแยต พบว่า กระเทียมมีประสิทธิภาพเหมือนยาแอสไพริน คือสามารถทำให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น เป็นตัวอย่างต่อต้านแบคทีเรีย และทำหน้าที่เหมือนยาเพนนิซิลิน ซึ่งยานี้เพิ่งจะถูกค้นพบขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1928 ในขณะที่มีการค้นพบกระเทียมตั้งพันปีล่วงมาแล้ว กระเทียมสามารถต่อต้านสารพิษ ทำให้ภูมิชีวิต (Immune System) ดีขึ้น ควรรับประทานกระเทียมสดเป็นประจำทุกวัน โดยสับให้ละเอียดผสมกับอาหารจานเด็ดวันละ 2 ช้อนชา จะได้อาหารที่เต็มไปด้วยสรรพคุณทางยาซึ่งหาได้ไม่ยากนัก
ถั่วแดงนับเป็นพืชตระกูลถั่วอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งให้โปรตีนสูงและมีสารอาหารครบครันเต็มไปด้วยกากใยของอาหาร สามารถนำมาเป็นส่วนประกอบและปรุงอาหารได้หลากหลาย มีประสิทธิผลในการปกป้องและบำรุงหัวใจ รักษาเบาหวาน ป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ทำให้ระดับเลือดสมดุล ทั้งยังมีผลการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจให้น้อยลงอีกด้วย ศาสตราจารย์เจมส์ ดับบลิว.แอนเดอร์สัน ผู้เชี่ยวชาญทางด้านยาและโภชนาการ แห่งมหาวิทยาลัยเคนตักกี เลซิงตัน กล่าวว่า ควรรับประทานถั่วแดงให้มากๆ อย่างน้อยครึ่งถ้วยต่อสัปดาห์จะได้สารอาหารครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ
โยเกิร์ตนับเป็นยาอายุวัฒนะแห่งอนาคต อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน และคาร์โบไฮเดรต ซึ่งสามารถเสริมสร้างพลังงานในร่างกาย เป็นที่รู้จักกันในแถบเมดิเตอร์เรเนียนมานานนนับร้อยปี ดร.เม็ทชนิคอฟ แห่งสถาบันปาสเตอร์ในกรุงปารีส ได้ทำการวิจัยสรุปผลออกมาว่า ถ้ากินโยเกิร์ตทุกวันจะมีสุขภาพดีและอายุยืนนาน เพราะนอกจากจุลินทรีย์แลคโตแบคซิลัสในโยเกิร์ตจะช่วยสร้างยาปฏิชีวนะในลำไส้ ซึ่งสามารถฆ่าแบคทีเรียต่างๆ ทำให้เพิ่มภูมิคุ้มกันในลำไส้แล้ว ยังช่วยไม่ให้ฟุ้งซ่านหรือโกรธง่าย เสริมสร้างกระดูก เพราะมีวิตามินซีและแคลเซียมช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โยเกิร์ตมีธรรมชาติที่ช่วยป้องกันกระเพาะจากการเป็นแผล ลดไขมันที่จะอุดตันในเส้นเลือด จึงควรรับประทานโยเกิร์ตทุกวันเพื่อสุขภาพที่ดีและป้องกันโรคดังที่กล่าวมา
ส้ม
เป็นสุดยอดของอาหารอีกชนิดหนึ่งที่ดีมาก นอกจากจะเป็นผลไม้ที่ให้รสชาติถูกปากแล้ว ยังถือเป็นยาไปด้วยในขณะเดียวกัน ดร.เจมส์ เซอดา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาได้ทำการวิจัยพบว่า ส้มนั้นให้ทั้งวิตามินโดยเฉพาะวิตามินซี และสารอาหารรวมถึงกากใย ส้มสามารถลดอาการหวัดและคอเลสเตอรอล เสริมสร้างกระดูก ปกป้องไต ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในลำไส้ ควรเลือกซื้อส้มที่มีเปลือกสดใสและมีน้ำหนักพอดี ไม่เบาจนเกินไปหลังจากแกะเปลือกแล้วให้รับประทานทั้งลูกรวมถึงกากใย จะได้สารอาหารครบถ้วน
ปลา
ปลาทุกชนิดประกอบไปด้วยไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย และให้กรดไขมันที่ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดนักโภชนาการแนะนำว่า โปรตีน วิตามิน เกลือแร่จากปลานั้น เหมาะกับเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดอุดตัน ความดันโลหิตสูง โปรตีนในเนื้อปลาประกอบด้วยกรดอะมิโน ไลซีน และทรีโอนีน ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตในเด็ก และมีผลต่อส่วนประกอบของเซลล์สมอง ให้ทำหน้าที่ได้ตามปรกติ จึงมักพูดกันว่ากินปลาแล้วสมองดี หนึ่งในจำนวนปลาทั้งหลายนั้นปลาแซลมอน ถือเป็นปลาที่อุดมไปด้วยไขมัน เรียกว่า Omega-3g ซึ่งมีประสิทธิผลทางด้านการปกป้องและบำรุงหัวใจต่อต้านโรคหัวใจ สำหรับสุภาพสตรีมีผลทำให้ประจำเดือนเป็นปรกติ หากรับประทานปลาแซลมอนเพียง 1 ชิ้น เหมือนได้สาร Omega-3g ถึง 10 เท่าทีเดียว
เต้าหู้
ในระยะหลังๆ นี้เต้าหู้กลายเป็นอาหารหลักของคนลดน้ำหนัก เพราะมีไขมันต่ำ มีโปรตีนสูง สามารถชดเชยเนื้อสัตว์ ไข่ และนมวัวได้ มีการยืนยันจาก ดร.แอนเดอร์สัน แห่งมหาวิทยาลัยเคนตักกี ว่าเต้าหู้มีคอเลสเตอรอลต่ำ จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจให้กับผู้ที่กินอาหารประเภทนี้ เป็นประจำ ทั้งยังมีการค้นคว้าอีกว่า ผลิตภัณฑ์จากถั่วนี้จะช่วยให้ระบบย่อยดีขึ้น และช่วยป้องกันการผิดปรกติของฮอร์โมนที่จะก่อให้เกิดมะเร็ง ทำให้ประจำเดือนในสตรีเป็นปรกติ ป้องกันอาการที่เกี่ยวกับกระดูกมะเร็งเต้านม ปกป้องไต และสามารถลดการเกิดมะเร็งในลำไส้อีกด้วย สำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวพรรณสดใส ให้รับประทานเพียงอาทิตย์ละ 3 ครั้ง ในปริมาณที่พอเหมาะ และผู้ที่ต้องการป้องกันโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจให้รับประทานวันละ 2 มื้อเป็นอย่างน้อย (ในแต่ละมื้อร่างกายต้องมีโปรตีน 25 กรัม) ก็เพียงพอ
มะเขือเทศ
วิตามินซีที่มีในสีสันสวยงามของมะเขือเทศเป็นที่เลื่องลือกันนักหนาว่า สามารถช่วยให้สุขภาพผิวพรรณผ่องใสสุขภาพกายดี นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด จิโอแวนนูชชี จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอสตัน ยังบอกอีกว่า มะเขือเทศเต็มไปด้วยสารอาหารที่สร้างความแข็งแรง บำรุงสุขภาพ และมีสารไลโคพีน (Lycopene) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง ทั้งยังป้องกันโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารได้เป็นอย่างดี ควรรับประทานมะเขือเทศทุกวันในปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้สุขภาพดียิ่งขึ้น
น้ำ
ถือเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐาน เป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย ปราศจากคอเลสเตอรอล น้ำที่ดีต้องไม่มีสี กลิ่น และรส ดร.สเติร์น จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ผู้ที่ดื่มน้ำมากๆ สามารถลดความอ้วน เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้คลายตัว รักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่ ปกป้องผนังไต ดูแลรักษาผิวพรรณให้ชุ่มชื้นกระชุ่มกระชวยตลอดเวลา ในแต่ละวันจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะดื่มน้ำ 6-8 แก้ว เพื่อสุขภาพที่ดีอันจะมีติดตัวท่านตลอดไป เมื่อทราบถึงประโยชน์มากมายของอาหารชั้นยอดทั้งเก้าอย่างนี้แล้ว จะรีรออยู่ไย เห็นทีคราวต่อไปจะต้องมีบนโต๊ะอาหารทุกมื้อเสียแล้ว
---------------------------------------------------------
ที่มา : อาหารบำบัดโรค 9 ชนิด เรื่องโดย "เซย์ มาวี" นิตยสารชีวจิต บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)