Body Work
เป็นการบำบัดเพื่อให้เกิดการผ่อนคลาย โดยเฉพาะบนกล้ามเนื้อและกระดูก ด้วยวิธีการฝึกให้มีการเคลื่อนไหว ของร่างกายที่เหมาะสม เช่น การนวด (Message), จี้กง (Guigong), นวดฝ่าเท้า (Reflexology), Shiatsu และ ไทเก๊ก (Tai Chi)
โยคะ (Yoga)
โยคะ ใช้กันมานานมากกว่า 2,000 ปีในประเทศอินเดีย โยคะมาจากภาษาสันสฤต แปลว่า union (with God) การฝึกโยคะเพื่อต้องการให้ร่างกายแข็งแรง มี flexibility และ relaxation โดยผ่านทางท่าทางที่เรียกว่า Asana ซึ่งจะคงไว้อยู่ระยะหนึ่งจาก 2-3 วินาทีจนถึงเป็นนาที ๆ ยังมีเทคนิคสำหรับการหายใจและฝึกสมาธิเรียกPranayama มีผู้พยายามที่จะเอาโยคะมาใช้กับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้อเสื่อม ปวดหลัง ฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ และCarpal tunnel syndrome จากการศึกษาในปัจจุบันยังสรุปอะไรไม่ได้
ไทเก๊ก (Tai-Chi)
เป็น ลักษณะของท่าทางและการเคลื่อนไหว เริ่มมาจากประเทศจีนเมื่อศตวรรษที่ 17เป็นการเคลื่อนไหวอย่างมีจังหวะช้า ๆ โดยมีการลงน้ำหนักตัวเชื่อว่าช่วยความสมดุลของร่างกาย ช่วย coordination สมาธิ และคลายความเครียด เชื่อว่าช่วยการทำงานของหัวใจและปอด ลดอัตราการล้มในผู้สูงอายุ
การนวดฝ่าเท้า (reflexology)
เหมือน กับการฝังเข็มและการกดจุด (acupressure) แต่เป็นการกดกระตุ้นบริเวณฝ่าเท้า มีหลักอยู่ว่า life force เป็นพลังงานไหลผ่านร่างกายผ่านช่องพลังงาน (energy channels) และไปสิ้นสุดเป็น terminal points หรือ reflex areas ที่เท้าและมือ จะมี corresponding areas ของอวัยวะต่าง ๆ ที่เท้าและมือ เมื่ออยู่ในสภาพของความเครียด ป่วยเป็นโรค ร่างกายไม่สมดุล การไหลของพลังงานถูกปิดกั้น (เป็นทฤษฎี) ผู้รักษาจะกดจุดบนฝ่าเท้า เพื่อจะเปิดการไหลของพลังงานให้กลับไปสู่สภาพปกติ วิชาการนี้มีมานานกว่า 1,000 ปี ในปี ค.ศ. 1913 Dr. William Fitzgerald พบว่าบางจุดที่เท้า ถ้ากดจะมีการชาบางส่วนของร่างกาย
การนวดบำบัด (massage)
การสัมผัสระหว่างกันของคนเรา มีผลต่อสุขภาพทางร่างกายและจิตใจของผู้ที่สัมผัสและผู้ถูกสัมผัส
การ นวดเป็นการบำบัดที่สืบทอดกันมายาวนาน ช่วยให้รู้สึกสบายทั้ง กายและใจ กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ระบบไหลเวียนเลือดและระบบน้ำเหลืองดีขึ้น การนวดมีหลายรูปแบบ แต่ปัจจุบันสปาส่วนใหญ่จะเน้นการนวดเพื่อผ่อนคลายมากกว่าการนวดเพื่อรักษา โรค
การนวดในแต่ละรูปแบบมีข้อปฏิบัติกว้างๆ ดังนี้
ควรเปิดเพลงเบาๆ เพื่อให้ผู้นวดและผู้ถูกนวดรู้สึกผ่อนคลาย
เลือกพื้นที่พอเหมาะ คือไม่อ่อนหรือแข็งเกินไป
ไม่ควรเทน้ำมันลงบนตัวผู้ถูกนวดโดยตรง ให้เทใส่ฝ่ามือผู้นวด แล้วถูให้อุ่นก่อนลงมือนวด
ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับแน่น และควรถอดเครื่องประดับออก
พื้นฐานการนวดมี 4 แบบ คือ การไถ การกด การทุบ การบีบขยำ
เลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง หรืออาจประยุกต์รวมกันก็ได้
การไถ ใช้มือทั้ง 2 ข้างไถบนบริเวณที่นวดเป็นทางยาวอย่างเบาๆ และช้าๆ มือทั้ง 2 ข้างมาวางใกล้กันให้ระยะหัวแม่มือทั้ง 2 ห่างกันประมาณ 1 นิ้ว ไถเป็นจังหวะ หากต้องการนวดหนักขึ้นให้ใช้หัวแม่มือ
หรือแรงที่ข้อนิ้ว แต่ถ้าต้องการนวดเพียงเบาๆ ให้ใช้ปลายนิ้วหรือฝ่ามือไถ
การทุบเป็น วิธีนวดที่เลียนแบบการตีกลอง หรือสับแบบคาราเต้ คือใช้สันมือกำหลวมๆ สับเร็วๆ น้ำหนักแรงพอดีสบายๆ นิยมใช้นวดต้นขา ก้น หลัง และไหล่
การบีบขยำ ใช้มือขยำกล้ามเนื้อ ขึ้นมาบี้นิดเดียวพอให้รู้สึกแล้วปล่อย นิยมใช้นวดหน้าท้อง หรือเอวขณะที่นวดต้องเคลื่อนไหวมือให้เป็นจังหวะต่อเนื่อง
การกด เป็นวิธีนวดทีละจุด ใช้นิ้วเดียวหรือหลายนิ้ว เคลื่อนเป็นวงกลม บางครั้งให้ใช้หัวแม่มือหรือสันมือกด แรงกดจะชวยกระตุ้นการไหวเวียนเลือด หากมีอาการช้ำหรือเจ็บห้ามกดบนตำแหน่งนั้นๆ
|